4. ยุคใหม่ (Modern Age)
- 1. ศิลปะยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance Art)
– เริ่มต้นในประเทศอิตาลี
– มีการขุดค้นพบซากเมืองโบราณของกรีกและโรมัน จึงมีการนำศิลปวิทยาการที่ได้จากการขุดค้นพบมาปรับปรุง ดัดแปลงใหม่
– นำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้กับการสร้างผลงานศิลปะ
- สมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาตอนต้น (ค.ศ.1397-1507)
– เป็นช่วงเชื่อมต่อกับสมัยกอทิก
– เริ่มมีความคิดเกี่ยวกับมนุษยนิยม
– เริ่มให้ความสนใจกับแสงสะท้อนกับเงาในกระจกและอากาศ
– วิธีการวาดภาพโดยใช้หลักทัศนยวิทยาตามหลักวิทยาศาสตร์อีกด้วย
– มีการวาดภาพสีน้ำมัน
– ภาพ : โมนา ลิซา ศิลปิน : เลโอนาร์โด ดา วินซี
– ภาพ : Virgin of the Rocks ศิลปิน : เลโอนาร์โด ดา วินซี
– ภาพ : พิธีแต่งงานของ Arnolfini ศิลปิน : แจน แวน อิค
– ภาพ : กำเนิดวีนัส ศิลปิน : บอตตีเชลลี
– ภาพ : อาหารเมื้อสุดท้าย ศิลปิน : เลโอนาร์โด ดา วินซี
– ประติมากรรมแกะสลักหินอ่อน ปีเอตา (Pieta
– ประติมากรรมแกะสลักหินอ่อน เดวิด
- สมัยบาโรก (คริสต์ศตวรรษที่ 16)
– ศิลปะที่วิจิตรงดงาม แสดงรายละเอียดสลับซับซ้อน ยิ่งใหญ่อลังการ และหรูหรา
– การตกแต่งลวดลายให้ดูวิจิตรอลังการซึ่งส่วนใหญ่คือ ลายใบไม้ ดอกไม้ ช่อดอกไม้ ผสมผสานกับเส้นโค้งที่อ่อนช้อย ประดับประดาจนดูรกรุงรังเกินความจำเป็น
– สีที่ใช้ประดับตกแต่งมักจะเป็นสีทอง
– ประติมากรรมแกะสลักหินอ่อน ความปิติของเซนต์เทเรซา
– ภาพ : การลักพาตัวยุโรปา ศิลปิน : บูเช ฟรองซัว
- สมัยโรโกโก (คริสต์ศตวรรษที่ 17)
– ทำตามแบบอย่างศิลปะบาโรก แต่ปรับรายละเอียดของรูปทรง และเส้นสายลวดลาย ให้อ่อนช้อยมากยิ่งขึ้น
– คำเปรียบเปรยว่า “ศิลปะบาโรกเหมือนบุรุษหนุ่มผู้มีความสง่า ส่วนศิลปะโรโกโกเปรียบเสมือนสตรีที่มีความงดงามยิ่ง ”
– ใช้เครื่องเรือนหรูหราประดับตกแต่งด้วยวัตถุที่ประณีตงดงาม
– กำเนิดขึ้นในฝรั่งเศสช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ช่วงสมัยของพระเจ้าหลุยที่ 14
– งานจิตรกรรมของ วาโต และ บูเช
- ศิลปะสมัยใหม่คริสต์ศตวรรษที่ 19
– ให้ความสำคัญกับการแสดงออกทางศิลปะที่สะท้อนเสรีภาพของบุคคลมากกว่าสะท้อนความเชื่อความศรัทธาในศาสนา และระบบศักดินา
– การเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศฝรั่งเศส
– การขุดค้นพบซากเมืองปอมเปอิโบราณสมัยโรมัน
– ภาพ : The Oath of Horatii ศิลปิน : ดาวิด
– ภาพ : การตายของโสคราติส ศิลปิน : ดาวิด
– ภาพ : การตายของมาราต์ (The Death of Marat) ศิลปิน : ดาวิด
– ภาพ :Achilles Receives the Ambassadors of Agamemnon ศิลปิน : แองกร์
– ภาพ : Turkish Bath ศิลปิน : แองกร์
– ภาพ : สถานพยาบาลที่จัสฟา ศิลปิน : กรอส
– กำเนิดขึ้นทางยุโรปตอนเหนือและสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19
– ศิลปะที่มีความคิดเห็นขัดแย้งกับลัทธิคลาสสิกใหม่ซึ่งมีกฎระเบียบมาก
– ปรับปรุงวิธีการวาดภาพแบบบาโรกและกำหนดเรื่องราวด้วยตนเอง
– ภาพ : แพเมดูซา ศิลปิน : เจริโคท์
– ภาพ : เรือบรรทุกทาส ศิลปิน : เทอร์เนอร์
– ภาพ : เกวียนบรรทุกหญ้า ศิลปิน : คอนสเตเบิล
– ยึดถือหลักการสร้างผลงานให้ดูเหมือนจริงและเป็นจริงตามที่ตาเห็น
– มุ่งเน้นเนื้อหาความเป็นอยู่ของมนุษย์ เป็นปฏิปักษ์ต่อหลักสุนทรียศาสตร์ของลัทธิคลาสสิกใหม่และลัทธิจินตนิยม
– เชื่อว่า ในความจริงมีความงามอยู่แล้ว ศิลปินจะต้องบันทึกความงามตามที่เห็นอย่างละเอียด
– มีลักษณะการทิ้งรอยแปรงอย่างอิสระ คล่องแคล่วว่องไว ไม่เกลี่ยให้เรียบ
– ปรับสภาพแสงสีให้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด
– ภาพ : กรรมกรทุบหิน ศิลปิน : กูร์เบ (Gustave Courbet)
– ภาพ : คนเก็บข้าวตก ศิลปิน : มีเล (Jean-Francois Milet)
– แบ่งออกเป็น 3 ระยะ
- ให้ความสนใจในแนวคิดของลัทธิสัจนิยม
- เห็นว่าการรับรู้ของศิลปินตามความรู้สึกประทับใจมีความสำคัญกว่า
- เป็นระยะที่ศิลปินมุ่งแสดงความรู้สึกและอารมณ์ภายในด้วยสีมากกว่าความประทับใจที่เห็น
– โมเนได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาของลัทธิประทับใจ
– ปกติโมเนจะไม่วาดรูปคน ชอบวาดบรรยากาศธรรมชาติมากกว่า และชอบใช้แสงตามเวลา ตามฤดูกาล
– เรอนัวร์ โปรดปรานการวาดภาพเรื่องราวเกี่ยวกับงานเลี้ยงสังสรรค์
– วาดภาพให้มีแสงตกกระทบบนรูปคนที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่
– ประติมากรรมแกะสลักหินอ่อน จูบ (The Kiss) ของ โรแดง (Auguste Rodin)
– มีความเชื่อเกี่ยวกับทฤษฎีของแสง และทฤษฎีรูปกับพื้นตามทัศนะการมองเห็นของศิลปินยุคใหม่
– เชื่อว่าแสงเป็นอนุภาค จึงระบายสีของแสงและเงาเป็นจุดเล็กๆทั่วทั้งภาพ
– เน้นวิธีการวาดภาพตามแนววิทยาศาสตร์
– ลัทธิผสานจุดสี (Pointillism)
– ให้ความสำคัญกับการแสดงออกด้วยความรู้สึกของสีมากกว่าเรื่องราว
– วาดรูปทรงที่ดูง่าย สีเป็นรูปทรงของตัวมันเอง
– เน้นรูปทรง และเรื่องราวที่ประทับใจมากกว่าวิธีการ
– ศิลปิน แวนโก๊ะ
- ศิลปะสมัยใหม่คริสต์ศตวรรษที่ 20
– ก่อตัวขึ้นที่กรุงปารีส
– จิตรกรรมที่วาดด้วยสีสดใส และใช้ฝีแปรงอิสระ
– ให้ความสำคัญกับอารมณ์ภายในของศิลปินมากกว่าวัตถุภายนอก และใช้สีเป็นสื่อแสดงออกโดยไม่คำนึงความถูกต้องหรือเหมือนจริง
– ลัทธิแปลว่าสัตว์ป่า
– ผลงานให้ความรู้สึกรุนแรง ดุดันและตื่นเต้นต่อผู้พบเห็น
– ใช้สีสดๆและเส้นเด็ดเดี่ยว
– จัดภาพและสีโดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริงตามที่ตาเห็น
– ศิลปินมุ่งที่จะแสดงออกถึงความรู้สึกภายในของตนเองมากกว่าการลอกเลียนแบบสิ่งที่อยู่ภายนอก
– ใช้สีไม่ตรงกับความเป็นจริง ทิ้งรอยพู่กันอย่างอิสระ
– เซซานได้เคยกล่าวไว้ว่า “ ถ้าเข้าใจรูปทรงของโลกภายนอก และโครงสร้างตามความจริงแล้ว จงมองรูปทรงเหล่านั้นเป็นเหลี่ยม เป็นลูกบาศก์ง่ายๆ ”
– จึงถ่ายทอดรูปทรงนั้นโดยทำเป็นรูปเหลี่ยม
– ตัดทอน ย่นย่อส่วน หรือเพิ่มเติมตกแต่งรูปทรง
– รูปทรงบังกันหรือซ้อนกันคล้ายภาพเอ็กสเรย์
– ภาพ : Clarinet and Bottle of Rum on a Mantelpiece ศิลปิน : บร้าก (Georges Braque)
– ภาพ : หุ่นนิ่งหน้าช่องหน้าต่าง ศิลปิน : กริส (Juan Gris)
– แสดงออกถึงชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบัน
– เน้นถึงการแสดงอารมณ์ ความเคลื่อนไหว ความก้าวหน้าและภัยอันตราย
– นิยมเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว
– วัตถุที่เลือกใช้เป็นเนื้อหาสำหรับการวาดภาพเป็นวัตถุที่เป็นสัญลักษณ์ของการเคลื่อนไหว เช่น วงล้อจักรยาน
– ภาพ : หญิงเปลือยก้าวลงบันไดศิลปิน : ดูแชมป์ (Marcel Duchamp)
– ภาพ : เชือกจูงสุนัขกำลังแกว่ง ศิลปิน : จิอาโคโม บอลล่า
– ให้ความสำคัญกับส่วนประกอบของการมองเห็นและหลักการจัดส่วนประกอบดังกล่าวมากกว่าเนื้อเรื่อง
– ภาพ : กำลังแกว่ง (Swinging) ศิลปิน : คันดินสกี
– การหล่อทองแดง การเปลี่ยนรูป (หอย -ห่าน – สมดุล – ตัวท่าน) ศิลปิน :อาร์ป (Arp,Jean)
– ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 รวมตัวกันต่อต้านสงคราม ก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางศิลปะขึ้น
– แสดงให้เห็นถึงความน่าเกลียด ตลกขบขัน หยาบโลน
– ภาพ : Amorous Parade) ศิลปิน : ฟรานซิส ปิคาเบีย
– โถปัสสาวะ ค.ศ. 1917 มาร์เซล ดูแชมป์
– เจริญงอกงามมาจากลัทธิคติดาดา
– ส่งผลต่อลัทธิศิลปะต่างๆในระยะหลัง หรือที่เรียกกันว่าศิลปะร่วมสมัย (Contemporary Art) ในปัจจุบัน
– ภาพ : ความไม่จิรังของกวี ศิลปิน : ชิริโค (De Chirico Giorgio
– ภาพ : ช้างจากเมืองเซเลเบส ศิลปิน : แม็กเอิรนส์ (Max Ernst
- ลัทธิสำแดงพลังอารมณ์แนวนามธรรม
– ให้ความสำคัญการแสดงออกทางความรู้สึกภายในของศิลปิน
– แสดงออกด้วยวิธีการและเทคนิคใหม่ๆบนพื้นผิววัสดุอย่างมีพลัง มีความรุนแรง
– เชื่อว่า “ สุนทรียภาพควรเป็นความรู้สึก ที่แสดงออกตามสภาพแวดล้อมที่แท้จริงของสังคม สุนทรียภาพมิใช่เป็นความรู้สึกที่แสดงออกตามแนวทางหรือ กฎเกณฑ์แห่งความงามของอดีต”
– ภาพ : น้ำตก ศิลปิน : กอร์กี้ (Arshile Gorky)
– ภาพ : ปันโจวิลลา ตายหรืออยู่ ศิลปิน : มอเธอร์เวล
– ภาพ : Full Fathom Five ศิลปิน : พอลลอค
– ลัทธิเหมือนจริงแนวใหม่ (New Realism)
– สะท้อนภาพที่แท้จริงของสังคมปัจจุบันตามความรู้ความเข้าใจของสามัญชน
– แสดงถึงความชุลมุนวุ่นวายของสังคม
– เชื่อว่าศิลปะ คือ สิ่งที่กระตุ้นความรู้สึกของผู้ชมทันทีทันใดเมื่อได้สัมผัสกับสิ่งที่คุ้นเคย
– ภาพ : กระป๋องซุป ศิลปิน : วาร์โฮล (Andy Warhol)
– บุกเบิกนำเรื่องราวชีวิตประจำวันของสังคมอุตสาหกรรมมาสร้างเป็นผลงานศิลปะ
– ภาพ : ผู้หญิงกับเครื่องสำอางศิลปิน : ไธบอด (Thiebaud Wayne)
– เชื่อว่า “ การมองเห็นและสีเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด ”
– อาจเรียกว่า Retina-Tourtourers,Visual Sadicts หรือ Abstract lllusionists
– ภาพ : Pal-Ket ศิลปิน : วิกเตอร์วาสซาเรลี
– ภาพ : Cataract 3 ศิลปิน : ไรเลย์ (Bridger Riley)
- ศิลปะลัทธิหลังสมัยใหม่
– ให้ความสำคัญกับแผนการและกระบวนการทำงานมากกว่าตัวผลงาน เนื้อหาของผลงานไม่มีขีดจำกัด
– หรือ Happening
– มีรากฐานทางสุนทรียภาพมาจาก คติดาดาและศิลปะประชานิยม
– สิ่งแวดล้อม แอลลันแคปโรว์ เป็นผู้นำคำว่า Happening มาใช้จนเป็นที่รู้จักกันทั่วไป
– ภาพ : การแสดงแสงและไฟ ศิลปิน : ซิงเกลอร์ (Paris Sigler) ใช้แสงและสีในช่วงเวลาเพียง 8 วินาที และบันทึกภาพเก็บไว้ด้วยกล้องดิจิตอล
– ศิลปะที่ใช้แนวคิด (Concepts) หรือความคิด (Idea
– ศิลปินจะต้องวางแผนและตัดสินใจว่าจะทำอะไรไว้ก่อน งานที่สำเร็จคือผลพลอยได้
– มาร์เซล ดูแชมป์ (Marcel Duchamp) ศิลปินชาวฝรั่งเศสเป็นผู้บุกเบิก
– เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Earth art
– สร้างสรรค์เป็นรูปทรงโดยใช้วัสดุต่างๆ ที่มีอยู่แล้วในสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ
– อยู่ได้ไม่นาน ก็หายไปกับธรรมชาติ
– การห่อหน้าผา (เอาผ้ามาคลุมหน้าผา ลิเติ้ลเบย์ ยาวถึง 1 ไมล์ )ศิลปิน : คริสโต และ จีนน์ โกลด
– Spiral Jetty (นำหิน ดิน และสาหร่ายทับถมจัดรวมกันเป็นรูปก้นหอยยาวทอดออกไปกลางทะเลสาบ Great Salt Lake ) ศิลปิน : โรเบิร์ต สมิทสัน
– ศิลปะที่สร้างขึ้นด้วยคอมพิวเตอร์ในรูปแบบดิจิตอล
– อาจใช้วิธีสแกนภาพ หรือวาดเป็นภาพขึ้นมาเองโดยใช้ซอฟต์แวร์
– ศิลปะที่ใช้วัสดุทางประติมากรรมร่วมกับวัสดุอื่นๆ เพื่อเติมแต่งพื้นที่ว่าง
– เช่น : โครงการ The swap box project จัดทำกล่องบริจาคและกล่องรับบริจาคด้วยฝีมือของศิลปินเอง แขวนไว้ให้ผู้คนที่สัญจรไปมาหยิบของในกล่องบริจาคและบริจาคของกลับคืนมายังกล่องรับบริจาค